โครงการ พัฒนากลุ่มบึงบองออันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จังหวัด ยะลา
ที่มาของการต่อยอดโครงการ :
ตามหนังสือสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่ กร.๐๐๐๗.๔/๑๓๕๕ ลงวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๓๐ ข้อให้กรมชลประทานพิจารณากรณีองค์การบริหารส่วนตำบลบันนังสาเรง อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา ได้มีหนังสือขอรับการสนับสนุนปรับปรุงบึงในเขตตำบลบันนังสาเรง จำนวน ๑๙ บึง เพื่อช่วยเหลือราษฎร หมู่ที่ ๓,๔,๕ และ ๕ ตำบลบันนังสาเรง ซึ่งประสบปัญหาขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภค-บริโภค และทำการเกษตร
ตามที่เกิดภาวะฝนตกติดต่อกันหลายวันในเขตพื้นที่จังหวัดยะลา ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๐ เกิดน้ำท่วมที่ไหลล้นจากแม่น้ำปัตตานีร่วมกับน้ำป่าไหลหลากจากเทือกเขาบือยอ จึงทำให้ราษฎรในเขตตำบลบันนังสาเรงได้รับความเดือดร้อนทั้งที่อยู่อาศัยและพื้นที่การเกษตรเสียหายเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งเดิมนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบันนังสาเรงได้มีหนังสือฎีกาที่เสนอสำนักราชเลขาธิการตามข้างต้น โดยสำนักชลประทานที่ ๑๗ ได้พิจารณาโครงการเบื้องต้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน โดยได้จัดทำรายงานโครงการจัดหาน้ำให้ราษฎรตำบลบันนังสาเรง ตามทะเบียนรายงาน สปช.๑๗-กพค..๐๐๑/๕๑ ซึ้งได้พัฒนากลุ่มพัฒนาบึงบองอเป็นโครงการเร่งด่วนและเสนอขอรับการสนับสนนงบประมาณจากสำนักคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ แล้วนั้น
วัตถุประสงค์ของโครงการ :
- เพื่อฟื้นฟูลำน้ำธรรมชาติที่ตื้นเชินและป้องกันการบุกรุกลำน้ำสาธารณะ
- เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเก็บกักน้ำของลำน้ำในช่วงฤดูแล้ง
- เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ
- เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักปริมาณน้ำต้นทุนเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร
การพิจารณาโครงการ :
จากการพิจารณาตรวจสอบสภาพพื้นที่โครงการเบื้องต้นประกอบกับแผนที่มาตราส่วน ๑:๕๐,๐๐๐ ลำดับชุด L ๗๐๑๘ ระวาง ๕๒๒๑ IV-๕๒๒๑ I ข้อมูลรายละเอียดต่างๆ เช่น สภาพการใช้พื้นที่วัตถุประสงค์ของโครงการ รวมถึงผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ เห็นสมควรพัฒนาบึงเป็นพื้นที่รับน้ำที่มีความสามารถเก็บกักน้ำไว้ใช้ได้เพียงพอตลอดปี โดยมีจำนวนบึงทั้งหมด ๑๙ บึง โดยสามารถแบ่งกลุ่มบึงเป็น ๔ กลุ่ม ดังนี้คือ
กลุ่มที่ ๑ บึงยันนังรายอ (หมู่ที่ ๔-๕) ซึ่งประกอบด้วยบึงบันนังรายอ บึงกือจา บึงบาแจกอแปะ ซึ่งปัจจุบันมีความตื้นเขิน เก็บกักน้ำได้น้อย พื้นที่รับผลประโยชน์ส่วนใหญ่เป็นพืชไร่ เช่น ข้าวโพด,ยางพารา,มังคุด มีพื้นที่บีงรวมประมาณ ๓๐.๔๐ ไร่ ปริมาณเก็บกักรวม ประมาณ ๙๗,๒๐๐ ลบ.ม.
กลุ่มที่ ๒ กลุ่มบึงบองอ (หมู่ที่ ๓-๔) ซึ่งประกอบด้วย บึงจาแว บึงแง บึงตาราแด๊ะ บึงบองอ บึงกือนางอ บึงโต๊ะกาโบ โดยปี ๒๕๓๘ กรมชลประทานได้ชุดลอกหนองน้ำบึงตาราแด๊ะ ซึ่งบึงในกลุ่มปัจจุบันมีความตื้นเขินบางแห่ง สามารถเก็บกักน้ำได้ ตั้งอยู่ใกล้พื้นที่การเกษตรและชุมชน ลงทุนน้อย รับน้ำจากพื้นที่รับผลประโยชน์ส่วนใหญ่เป็นพืชไร่ ไม้ผล เช่น ทุเรียน,ยางพารา,ลองกอง,มะนาว มีพื้นที่บึงรวม ประมาณ ๔๔.๖๐ ไร่ ปริมาณเก็บกักรวมประมาณ ๑๓๘,๔๐๐ ลบ.ม.(โดยได้เสนอขอรับเป็นโครงการพระราชดำริแล้ว เมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๐)
กลุ่มรา ๓ กลุ่มบึงตวายุ (หมู่ที่ ๓ ) ซึ่งประกอบไปด้วย บึงตวายุ บึงอุเซ็ง บึงโต๊ะแลเบาะ ซึ่งปัจจุบันมีความตื้นเขินบางแห่ง สามารถเก็บกักน้ำได้ พื้นที่รับผลประโยชน์ส่วนใหญ่เป็นพืชไร ไม้ผล เช่น ทุเรียน,ยางพารา,ลองกอง มีพื้นที่บึงรวมประมาณ ๑๑.๙ ไร่ ปริมาณเก็บกักรวมประมาณ ๓๓,๐๐๐ ลบ.ม.
กลุ่มที่ ๔ กลุ่มบึงเปาะยามา (หมู่ที่ ๖) ซึ่งประกอบด้วย บึงลือแป บึงธาเน๊าะ บึงปาดีอัย บึงเปาะยามา บึงปายัง ซึ่งปัจจุยันมีความตื้นเชินบางแห่ง สามารถเก็บกักน้ำได้มากที่สุด ลงทุนสูงสุด พื้นที่รับผลประโยชน์ส่วนใหญ่เป็นพืชไร่ ไม้ผล เช่น ทุเรียน,ยางพารา,ลองกอง มีพื้นที่บึงรวมประมาณ ๖๐ ไร่ ปริมาณเก็บกัก รวมประมาณ ๒๐๕,๕๕๐ ลบ.ม.
จากแนวทางการพิจารณาที่มีความเหมาะสมเห็นควรดำเนินการเร่งด่วนคือแนวทางการพัฒนาบึง กลุ่มที่ ๔ กลุ่มบึงเปาะยามา โดยพัฒนาความสามารถในการเก็บกักน้ำ โดยการขุดลอกบึงเดิมที่สามารถเก็บกักได้ประมาณ ๒๐๕ลม๕๕๐ ลบ.ม. เพิ่มเป็น ๒๗๖,๐๐๐ ลบ.ม. และการผันน้ำจากแม่น้ำปัตตานีในช่วงหน้าแล้ง โดยการขุดคลองเพื่อมต่อระหว่างบึงในกลุ่มบึงบองอสามารถเพิ่มพื้นที่การเกษตรให้มีน้ำเพียงพอตลอดปีและยังบรรเท่าอุทกภัยในหน้าฝน ส่วนในช่วงฤดูแล้งจะมีปริมาณน้ำน้อยแต่ยังคงมีสม่ำเสมอตลอดทั้งปี ระหว่างเดือนพฤษภาคม-เดือนธันวาคม เป็นช่วงที่มีน้ำหลาก และช่วงระหว่างเดือนมกราคม-เดือนเมษายน จะเป็นช่วงที่มีน้ำน้อย โดยในเดือนเมษายนจะเป็นเดือนที่มีปริมาณน้ำน้อยที่สุด
ในส่วนของปริมาณแหล่งน้ำต้นทุนที่ไหลมาจากเขาบือยอเข้าบึงเปาะยามามีปริมาณน้ำท่า ๕.๓๔๙ ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี มีปริมาณมากในช่วงฤดูฝน (พฤษภาคม-ธันวาคม) ส่วนฤดูแล้ง (มกราคม-เมษายน) เดือนกุมภาพันธ์เป็นเดือนที่มีปริมาณน้ำน้อยที่สุดประมาณ ๑๐๓ ลูกบาศก์เมตร จำเป็นต้องรับน้ำจากการผันน้ำจากแม่น้ำปัตตานี
ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ :
๑.๑ สามารถส่งน้ำช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรในเขตพื้นที่โครงการ ประมาณ ๗๐๐ ไร่
๑.๒ ทำให้ราษฎรมีผลผลิตรายได้ต่อปีเพิ่มขึ้น มีอาชีพและที่ทำกินที่สมบูรณ์
๑.๓ เพื่อการอนุรักษ์และรักษาสภาพต้นน้ำลำธารธรรมชาติให้เกิดความชุ่มชื่อแก่พื้นดินและป่าไม้
๑.๔ สามารถป้องกันการทำลายป่าไม้ เนื่องจากราษฎรได้ใช้พื้นที่มีอยู่แล้ว ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างเต็มที่และต่อเนื่อง
ราคาค่าก่อสร้างโดยประมาณ :
ราคาค่าก่อสร้างโดยประมาณของโครงการบรรเทาอุทกภัยและแก้ปัญหาภัยแล้งบ้านเปาะยามาแยกออกตามกิจกรรมย่อยต่างๆ มีรายละเอียดดังนี้
- งานเตรียมงานเพื่อการก่อสร้าง ๐.๕๐ ล้านบาท
- กิจกรรมขุดลอกคลองและสร้างทำนบดิน ๔.๕๐ ล้านบาท
- กินกรรมอาคารบังคับน้ำ ๒.๐๐ ล้านบาท
-กิจกรรมคลองส่งน้ำเขื่อมต่อระหว่างบึง ๑.๕๐ ล้านบาท
- ค่าดำเนินการและอำนวยการ ๐.๕๐ ล้านบาท
รวมราคาก่อสร้างโดยประมาณ ๙.๐๐ ล้านบาท
ขอบเขตการสำรวจ :
เพื่อให้มีรายละเอียดเพียงพอ ที่จะนำมาใช้ประกอบการพิจารณาออกแบบโครงการบรรเทาอุทกภัยและแก้ปัญหาภัยแล้งบ้านเปาะยามา ผลสำรวจที่นำมาใช้พิจารณามีขอบเขตการสำรวจ ดังนี้
- สำรวจ Site Plan บริเวณหัวงานขนาด ๒๐๐*๒๐๐ เมตร ให้สำรวจแสดงเส้นชั้นความสูงชั้นละ ๑.๐๐ เมตร และเขียนเป็นแผนที่สำรวจภูมิประเทศมาตราส่วน ๑:๕๐๐
- สำรวจรูปตัดขุดลอกบึง ยาวประมาณ ๑,๘๐๐ เมตร กว้างประมาณ ๔๐-๖๐ เมตร
การสำรวจแผนที่ต่างๆให้เก็บรายละเอียดภูมิประเทศให้ชัดเจนที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยกำหนดให้ใช้ระดับอ้างอิงกับระดับน้ำทะเลปานกลาง และให้ครอบคลุมตามขอบเขตที่กำหนดไว้ในแผนที่ที่แนบให้ ขอบเขตหมู่บ้าน แนวลำน้ำ แนวถนน สะพาน เหมืองฝาย พื้นที่นา ไร่ สวน เป็นต้น
หมายเหตุ :
- ผู้ที่สามารถติดต่อประสานงานได้ดี คือ นายอับดุลรอนิง ต๊ะยอ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบันนังสาเรง
- ข้อมูลที่ใช้พิจารณาประกอบในการจัดทำรายงานการศึกษา ได้จากการตรวจสอบสภาพภูมิประเทศจริงในพื้นที่โครงการ ประกอบกับการพิจารณาแผนที่มาตราส่วน ๑:๕๐,๐๐๐ ของกรมแผนที่ทหารและข้อมูลที่ได้รับจากการสอบถามราษฎรในพื้นที่
พัฒนากลุ่มบึงบองอ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ประเภทโครงการ : โครงการพัฒนาด้านแหล่งน้ำ