โครงการ พัฒนาพื้นที่ราบเชิงเขา
ตำบล นาดี อำเภอ นาดี จังหวัด ปราจีนบุรี
ที่มาของการต่อยอดโครงการ :
เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๐ – ๒๕๒๑ บริเวณพื้นที่ราบเชิงเขาบรรทัด ในเขตอำเภอนาดี อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอสระแก้ว อำเภอวัฒนานคร และอำเภอตาพระยา ซึ่งเป็นเขตติดต่อ ๓ จังหวัด คือ จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นพื้นที่ที่มีปัญหาต่อความมั่นคงของประเทศเป็นอย่างมาก กล่าวคือ
๑. พื้นที่ตั้งเคยเป็นป่าสงวนแห่งชาติที่อุดมสมบูรณ์ได้ถูกราษฎรบุกรุกเข้าไปเผาและถางเพื่อปลูกพืชไร่เป็นจำนวนมาก จนทำให้พื้นที่บริเวณนี้ กลายเป็นป่าเสื่อมโทรมจนสิ้นสภาพป่า ดินขาดความอุดมสมบูรณ์และขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรและการเพาะปลูก
๒. ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ได้ใช้พื้นที่บริเวณนี้เป็นที่ตั้งฐานที่จะแยกประเทศไทยโดยอาศัยแนวสันเขาบรรทัด อันเป็นเทือกเขาเชื่อมติดต่อกับราชอาณาจักรกัมพูชา
พระราชดำริ
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ได้ทรงทราบถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ จึงได้พระราชดำริให้มีการพัฒนาพื้นที่ราบเชิงเขาขึ้น โดยทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้หม่อมเจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ จักรพันธ์ องคมนตรี ประสานงานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อวางโครงการพื้นที่ราบเชิงเขาจังหวัดปราจีนบุรีตามพระราชดำริ โดยร่วมกับกองทัพภาคที่ ๑ จังหวัดปราจีนบุรี กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ เข้าดำเนินการตามโครงการพัฒนาพื้นที่ราบเชิงเขา โดยเริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๒๑ เป็นต้นมา พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพระบรมสานุวงศ์ ได้เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยือนหมู่บ้านโครงการฯ จำนวน ๗ ครั้ง
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช มีพระราชดำริให้มีการพัฒนาพื้นที่ราบเชิงเขาของจังหวัดปราจีนบุรี โดยทรงพระราชทานแนวทางการพัฒนาไว้ ๓ ด้าน คือ
๑. การพัฒนาทางด้านจิตใจราษฎร
๒. การพัฒนาความรู้ด้านการประกอบอาชีพ
๓. การจัดสรรที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย
ที่ตั้ง
โครงการพัฒนาพื้นที่ราบเชิงเขาสระแก้ว-ปราจีนบุรี ตั้งอยู่ที่บริเวณที่ราบเชิงเขาบรรทัด ในเขตอำเภอนาดี อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี และอำเภอเมืองสระแก้ว อำเภอวัฒนานคร อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว มีเนื้อที่ประมาณ ๔๐๔,๗๓๐ ไร่ จำนวน ๙๔ หมู่บ้าน ๖,๙๑๖ ครัวเรือน จำนวนประชากรประมาณ ๔๔,๑๗๙ คน เริ่มดำเนินงานตามโครงการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๑ - ปัจจุบัน
ผลการดำเนินงาน :
๑. การพัฒนาและปรับปรุงแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรให้มีระบบชลประทานที่ดี โดยโครงการชลประทานสระแก้ว ได้ดำเนินการจัดหาแหล่งน้ำ ก่อสร้างและซ่อมแซมอ่างเก็บน้ำ ทำฝาย น้ำล้น คลองซอย ขุดสระเก็บกักน้ำ เพื่อให้ราษฎรได้มีน้ำใช้อุปโภค บริโภค และทำการเกษตร และหน่วยทหารพัฒนา ได้ดำเนินการก่อสร้างฝายชะลอความชื้น ปี ๒๕๕๑ จำนวน ๓๑ ฝาย โครงการปลูกหญ้าแฝกเพื่ออนุรักษ์ดินและน้ำ พื้นที่ ๒ ไร่ ๒ งาน จำนวน ๓,๗๐๐ ต้น และโครงการพลิกฟื้นผืนป่าด้วยพระบารมี (ปลูกป่าสามอย่างประโยชน์สี่อย่าง) พื้นที่ ๘๕ ไร่ กล้าไม้จำนวน ๓๙,๐๐๐ ต้น
๒. การจัดสรรที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยให้กับราษฎรที่ไม่มีที่ดินทำกิน โดยศูนย์ศึกษาและพัฒนาวนศาสตร์ชุมชนที่ ๒ กรมป่าไม้ ได้มอบให้หน่วยจัดที่ดิน ใช้พื้นที่ป่าเสื่อมโทรมจัดตั้งหมู่บ้านขึ้นในโครงการจำนวน ๑๔ หมู่บ้าน และจัดสรรที่ดินให้บ้านละ ๑๕ ไร่ แบ่งเป็นที่ดินอยู่อาศัย ๑ ไร่ และที่ดินทำกิน ๑๔ ไร่
๓. การพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมให้กับราษฎร เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยศูนย์ศึกษาและพัฒนาวนศาสตร์ชุมชนที่ ๒ กรมป่าไม้ ดำเนินการเพาะชำกล้าไม้เพื่อแจกจ่าย และจัดสร้างหนึ่งตำบลหนึ่งสวนสาธารณะ และสถานีวิจัยทดสอบพันธ์สัตว์สระแก้ว กรมปศุสัตว์ ดำเนินการขยายพันธุ์สัตว์เลี้ยงเศรษฐกิจเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนแก่ราษฎร รวมทั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดสระแก้ว กรมประมง ดำเนินการขยายพันธุ์ปลา เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้กับราษฎรในพื้นที่ อีกทั้งปล่อยพันธ์ปลาที่ผลิตได้สู่แหล่งน้ำในพื้นที่โครงการอย่างต่อเนื่อง
๔. ป้องกันการบุกรุกทำลายป่า เพื่อเป็นแหล่งต้นน้ำ ลำธาร โดยอุทยานแห่งชาติปางสีดา กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า พันธุ์พืช ได้ดำเนินการฟื้นฟูสภาพ/รักษาสภาพป่า ตลอดจนจัดฝึกอบรมราษฎร ในพื้นที่ให้มีจิตสำนึกในการอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับป่า และร่วมกันปลูกป่าไม้เศรษฐกิจให้เกิดประโยชน์ในพื้นที่ และจัดชุดร่วมตรวจ และฝึกอบรมให้ความรู้ราษฎรเกี่ยวกับการดับไฟป่า สถานีพัฒนาที่ดินจังหวัดสระแก้ว กรมพัฒนาที่ดิน ดำเนินการจัดสร้างระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ที่ดิน
๕. ส่งเสริมให้ราษฎรมีความเข้าใจและการดำรงชีพระบบสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตรและสหกรณ์ ได้ดำเนินการจัดตั้งระบบสหกรณ์ในชุมชนตามหมู่บ้านหลักของโครงการ ให้อยู่ในระบบของสหกรณ์ อีกทั้งยังได้จัดตั้งโรงสีข้าวขนาด ๒๔ ตัน/วัน โดยรับซื้อข้าวจากราษฎร เพื่อแปรรูปและจำหน่ายในราคายุติธรรม
ประเภทโครงการ : โครงการพัฒนาแบบบูรณาการ และโครงการพัฒนาด้านอื่น ๆ